ดูหนังเกาหลี หนังใหม่ ดูหนังออนไลน์ฟรี
ดูหนังเกาหลี Monster: The Jeffrey Dahmer Storyเรื่องราวของเจฟฟ์ เจฟฟีย์ ดาห์เมอร์ ดูหนังฟรี ฆาตกรโรคจิตของอเมริกา ที่ความกล้าหาญสุดชั่วร้ายตั้งแต่เชือดเนื้อของเหยื่อมากินเป็นของกิน ฆ่าหั่นศพ แต่รอดคดีรวมทั้งการตามจับกุมของตำรวจตั้ง 13 ปี ซึ่งมีส่วนอ้างอิงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
ชายผู้เผลอไผลสำหรับการฆ่า กระทำชำเรา และก็กินส่วนประกอบมนุษย์ ข้างในปี 1978 – 1991 เขาได้ฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วก็นำส่วนประกอบมาเชือดสูงถึง 17 คน!!คำบอกเล่าท้ายที่สุดของเขา “อารมณ์ทางเพศของผมก็คือการได้เข้าไปตรวจภายในร่างกายพวกนั้น ผมมองดูพวกเขาเป็นราวกับข้าวของ คนที่ไม่รู้จัก มันช่างน่าเกินจริงกับสิ่งที่ผมทำกับมนุษย์ร่วมกัน” – Jeffrey Dahmer-
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินเนื้อมนุษย์ที่เป็นคดีความที่เลื่องลือ เป็นคนร้าย ที่นักจิตวิทยาอาญามีความสนใจอย่างยิ่ง สำหรับในการเลี้ยงลูกและก็สาเหตุของความไม่ดีเหมือนปกติของการเสพติดการกินเนื้อคนหนังเล่าราวละเอียดมากๆสะท้อนข้อเท็จจริงของการเป็นเกย์ในสังคมและก็สังคมของการดูหมิ่นเหยียดหยามเพศที่ปฏิเสธเพศ
ลำดับที่สามในประเทศอเมริกาที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ที่พวกเราแลเห็นความนึกคิดอีกทั้งในเลนมองดูของเหยื่อรวมทั้งในมุมมองของคนร้ายเหมือนพวกเรากำลังรับดูสารคดีครึ่งหนังในเรื่องรางของเจฟฟีย์ ดาห์เมอร์ คนร้ายสุดชั่วร้ายที่ฆ่าคนแล้วลอยนวลมาได้ถึง 13 ปีเลยซึ่งเหยื่อส่วนมากของเขาก็มีแต่ว่าเกย์ผิวสี
ฉากที่นักเขียนถูกใจที่สุดเป็นฉากที่ชาวเกย์พบกันใน Disco ก่อนที่จะเสียงดนตรีจะตัดไปสู่ความเงียบ และก็เพศชายสองคนคุยกันผ่าน Body Language แทนเสมือนเป็นการเสียดสีสังคมว่าความรักของเกย์เกิดเรื่องที่ไม่มีตัวตน แล้วก็จะต้องปฏิบัติตัวเฉยๆไม่มีเสียง และไม่ถูกเห็นด้วยในสังคม กระทั่งนำพามาสู่การฆาตกรรมสม่ำเสมอภายใต้ระบบการทำงานที่ล้มเหลวของตำรวจแบบงี้
จากความเป็นจริงของคนร้ายกินเนื้อมนุษย์หัวข้อนี้ผลิตขึ้นจากข้อเท็จจริงของคดีฆาตกรโรคจิตสมญานามมนุษย์กินมนุษย์ของอเมริกาที่เลื่องลือที่สุด ซึ่งก็เคยมีทำออกมาก่อนหน้านั้นแล้วเป็นสารคดีแล้วก็เวอร์ชั่นหนัง ซึ่งเน้นย้ำที่เรื่องของตัวคนร้ายโดยตรง แม้กระนั้นประเด็นนี้ต่างออกไป เกิดเรื่องราวหลายมุมมองของคดีนี้ ดูหนัง เกาหลี จากตัวผู้ที่เกี่ยวโยงจริงๆอย่าง คนเป็นเหยื่อแล้วก็ครอบครัวของเหยื่อ บิดามารดา เพื่อนบ้าน รวมทั้งตัวเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จากอีกทั้งก่อนจะถูกจับ แล้วก็ข้างหลังถูกจับวินิจฉัยอยู่ในเรือนจำ ที่เขาเปลี่ยนเป็นคนที่ใครๆก็รู้จักที่สุดของอเมริกาในตอนนั้น
เรื่องราวในซีรีส์เริ่มจากเวลาที่เขากำลังก่ออาชญากรรมในที่สุดก่อนจะบกพร่องและก็โดนตำรวจจับกุมไว้ได้ เป็นการปูเรื่องราวที่เริ่มจากคำกล่าวให้การของเขา ซึ่งเป็นคนร้ายที่ยอมรับสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป มีบัตรประจำตัวประชาชนของเหยื่อที่เขาเก็บสะสมไว้ครบ เรื่องราวในคดีนี้ก็เลยมิได้มีคนตกหล่นหายไปไหน แล้วก็เป็นการเริ่มเรื่องย้อนกลับไปยังอดีตกาลตอนเด็ก ตรวจสอบว่าอะไรเพราะเหตุไรเขาก็เลยเปลี่ยนมาเป็นคนร้ายได้ ซึ่งตัวอีวาน ปีเตอร์ส
เล่นเองทั้งปวงตั้งแต่เด็กมัธยมจนกระทั่งวัยทำงาน (ละเว้นเพียงแค่ตอนประถมที่ใช้ผู้แสดงเด็กสั้นๆ) ก็บางครั้งก็อาจจะมองแปลกๆนิดนึงที่ดาราหนังโตกว่าวัยเรียนมากมาย แม้กระนั้นก็หยวนๆพอเพียงละเลยได้ เพราะว่าเรื่องต้องการที่จะให้มองเห็นความก้าวหน้าชีวิตของเขา ซึ่งรวมๆเป็นครอบครัวขาดความอบอุ่น บิดามารดาไม่อยู่ดูแลลูก จนกระทั่งทำให้เกิดการตัดสินใจชีวิตที่บกพร่อง รวมทั้งเปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมจากไม่ตั้งใจ เปลี่ยนมาเป็นรสนิยมฆ่าเหยื่อแล้วเปลืองที่เขาเองห้ามตนเองมิได้
ในหัวข้อนี้ไม่ได้มีการถ่ายทอดเนื้อหาความเหี้ยมโหดของคดีสิ่งเดียว ดูหนังเกาหลี แม้กระนั้นชี้ให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้วดาห์เมอร์เองก็ไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องแบบรายอื่นๆที่มักเป็นแค้นเมื่อโดนจับ หรือเป็นสุขกับการเล่าเรื่องต่างๆแต่ว่าตรงกันข้ามเลยเขาเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ร่วมมือกับตำรวจทุกสิ่งทุกอย่าง มีความรู้สึกไม่ถูกกับสิ่งที่ทำลงไป
ไม่ต่อสู้คดีว่าตนเองบ้าหากแม้ทนายความจะต้องการให้ทำ สิ่งที่ซีรีส์ให้มองเห็นแทบเป็นการฟอกตัวให้ผู้ชมรู้สึกแอบเห็นอกเห็นใจเขาอยู่บ้าง ซึ่งจัดว่าแปลก แต่ว่าซีรีส์ก็สุจริตต่อเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นครับผม แล้วก็ตัวอีวานเองก็เล่นได้อย่างน่าสงสารตามเรื่องตามราวที่เกิดขึ้นจริงนี้ด้วย ดูแล้วรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขามากยิ่งกว่า เพราะว่าตอนจบของดาห์เมอร์เองในตารางก็ไม่สวยนัก ถึงแม้เขาจะพากเพียรดำรงชีวิตตามมีตามเกิดให้ยอดเยี่ยมในขณะนี้และก็ตาม
ตัวซีรีส์ยังมีตัวละครสำคัญอีกผู้ที่ชี้แจงคู่กันไปตลอดเรื่อง เกลนเกล็นด้า คลีฟแลนด์ เพื่อนบ้านผิวดำห้องชิดกันที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งคุณโทรแจ้งถึงความแตกต่างจากปกติต่างๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่กลิ่นเหม็นอย่างแรงโชยผ่านช่องลม เสียงร้องวิงวอน จนถึงพบกับเหยื่อเด็กอายุ 14 ชาวลาวที่หนีออกมาจากห้องของดาห์เมอร์แล้วมาสลบหน้าที่พัก คุณบากบั่นบอกตำรวจให้เอาเด็กไปที่อื่นๆ แต่ว่าตำรวจกลับเชื่อดาห์เมอร์ว่าเป็นแฟนโฮโมของเขา
และทำให้เด็กคนนี้เป็นเหยื่อที่อายุน้อยสุดของดาห์เมอร์ ซึ่งแปลงเป็นจุดสำคัญของเรื่องราวปัญหาความถูกต้องในอเมริกาที่เกิดสังกัดคนผิวดำที่ถูกไม่มีความสนใจสนใจ ทั้งยังการเป็นเหยื่อหรือแจ้งเรื่องราวต่างๆก็ถูกไม่ให้ความสนใจไปซะหมด ซึ่งนี่เป็นจุดที่ซีรีส์หัวข้อนี้อยากได้เปิดเผยสูงที่สุด เป็นต้นเหตุจริงๆที่ทำให้ดาห์เมอร์ก่ออาชญากรรมตลอดได้มากถึง 17 ราย
ตัวเกลนเองนอกเหนือจากที่จะเกิดเรื่องราวแทรกตั้งแต่ตอนดาห์เมอร์ยังผิดจับก็มีต่อเป็นตอนแยกคนเดียว ไปจนกระทั่งตอนสุดท้ายของซีรีส์เลยที่คุณเพียรพยายามตั้งอนุสาวรีย์เหยื่อเพื่อผู้คนระลึกจำได้ถึงปัญหาคนผิวดำถูกเฉยเมยที่เกิดขึ้น รวมทั้งผลพวงทางจิตที่ประจำตัวคุณไปทั้งชีวิตยิ่งไปกว่านั้นแล้วซีรีส์ก็ยังเน้นย้ำเรื่องบิดาของดาห์เมอร์ที่มีส่วนสำคัญให้เกิดเหตุราวนี้ขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ตัวเรื่องชี้ให้เห็นว่าเขาเองก็คือปัญหาหนึ่งของเรื่องเมื่อทำแต่งาน
มีภรรยาน้อยกระทั่งบ้านแตก แล้วก็เมื่อรับทราบว่าลูกชายแปลงเป็นคนร้ายแล้ว เขาก็เองก็พากเพียรหาต้นเหตุไปนานับประการกระทั่งในที่สุดก็แต่งหนังสือจากมุมมองของเขาเอง ดูหนังเกาหลี ที่ตั้งจิตใจถ่ายทอดให้บิดามารดาผู้อื่นมองเห็นสัญญาณไม่ดีเหมือนปกติเพื่อปกป้องการเกิดขึ้นอีก แม้กระนั้นก็แปลงเป็นโดนกล่าวหาทำมาหากินกับเหยื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกระทั่งหนังสือก็ขายไม่ดี และก็ยังโดนตัดผลกำไรกลับไปให้เหยื่อแหล่งรวมตัวกันฟ้องร้องคดีปิดทางได้กำไรจากประเด็นนี้ไว้ด้วย
ข้อเท็จจริงสุดสยดสยองนอกนั้นก็มีตอนแยกของเหยื่อหลักๆอย่างคนแรกที่ดาห์เมอร์ลงมือฆ่าอย่างไม่ตั้งใจ เรียกว่าคนโบกรถยนต์ ซึ่งกำเนิดในยุคเขาเป็นเด็ก ก่อนจะผ่านไปยาวนานหลายปีกำเนิดกับบุคคลอื่นถัดมา ซึ่งมีคดีที่ทำให้เขาถูกลงโทษคุมความประพฤติปฏิบัติ 1 ปีกับคดีวางยาล่วงเกินชายหนุ่มคนหนึ่งที่บกพร่องหนีไปได้
ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยซ้ำเติมว่าปัญหาเริ่มตั้งแต่ในขณะนั้นแล้วถึงแม้เขามีความผิดประจำตัว แม้กระนั้นตำรวจที่รับเรื่องจากเกลนเพื่อนบ้านกลางแจ้งมาก็ไม่ตรวจตราเขาเลย เนื่องจากเป็นชายผิวขาวที่ราวกับสิทธิพิเศษชนของอเมริกา ต่อให้ตำรวจที่ปล่อยปละละเลยนิ่งเฉยกลุ่มนี้ก็ลอยนวลเกือบจะมิได้ต้องโทษจากความบกพร่องที่เกิดขึ้นตามไปด้วย
ตอนแยกของเหยื่อยังมีตอนที่น่าดึงดูดในตอน 6 เป็นเหยื่อชายหนุ่มผิวดำที่เป็นใบ้ ชื่อตอน Silenced ที่บ่งบอกถึงมุมมองว่าในความเป็นจริงแล้วดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อรวมทั้งรับประทานเพราะอะไร เป็นตอนที่เหยื่อที่ชื่อโทนี่เป็นชายหนุ่มหล่อนายแบบผิวดำที่นิสัยดี มอบความรักให้แก่ดาห์เมอร์อย่างจริงใจ ตัวดาห์เมอร์เองก็ใคร่ครวญไม่ฆ่าเขาหลายที
แต่ว่าท้ายที่สุดก็ทนความรู้สึกว่าจะสูญเสียเขาไปมิได้ การฆ่าเหยื่อแล้วรับประทานลงไปต่างประเทศจากเร้าอารมณ์ทางเพศแล้ว อีกนับหนึ่งก็เสมือนการเก็บเขาไว้กับตัวตลอดกาล ซึ่งเหยื่อรายแรกที่ดาห์เมอร์ฆ่าก็เช่นเดียวกัน เขาป่นกระดูกแล้วโรยฝังไว้บริเวณบ้าน เพื่อคิดว่าเขายังอยู่ใกล้ๆเสมอ
ความที่เรื่องราวมากมาย ตัวเรื่องก็เลยมิได้เป็นแถวที่เน้นย้ำความสยดสยองของคดีสิ่งเดียว มิได้มีฉากฆ่าให้เห็นได้ชัดเจนนัก (ตัวดาห์เมอร์จะวางยาเหยื่อก่อนเพื่อฆ่าแบบสงบๆ) แม้กระนั้นอารมณ์ในความสยดสยองก็มีหลายฉากที่ทำเป็นดี อย่างฉากที่ดาห์เมอร์เอาแซนวิสเนื้อผู้ที่เขาทำเองให้เกลนเพื่อนบ้าน แล้วเพียรพยายามหลอกให้คุณทาน ซึ่งมองหลอนมากมายกับบทพูดที่เกิดขึ้นของทั้งสอง
จุดเสียหรือปัญหาของเรื่องก็มาจากความมากมายหลายที่ว่านี้ด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุว่าซีรีส์มานะชี้แจงหลายมุมมองแบบละเอียดมาก จนกระทั่งทำให้มีตัวละครหลวงเรื่องมากหลายตัวแทรกในเรื่องราว แล้วก็ยังมีตอนแยกคนเดียวๆเพิ่มเติม ปริมาณตอนก็เลยสูงถึง 10 ตอน และก็เรื่องราวที่เล่าก็ยังเรื่อยเก็บรายละเอียไว้มากมายกระทั่งมองมีน้ำมากมายไปหน่อยไม่คั้นเอาเนื้อล้วนๆมาเล่า ซึ่งก็าอจจะน่ารำคาญสำหรับผู้ที่ต้องการมาดูประเด็นนี้เพื่อกล่าวโทษสยดสยอง กลับจะต้องมาพบเรื่องดราม่ายืดยาวกับปัญหาด้านสังคมในหลายๆด้านที่เป็นเจตนาจริงๆของหัวข้อนี้
ซีรีส์จะตัดสลับเหตุโดยเริ่มจากเหยื่อรายในที่สุดที่ทำให้ดาห์เมอร์โดนจับจับตัวและก็มันจะย้อนกลับไปเล่าแหล่งที่มาของชีวิตฆาตกรโรคจิต เริ่มจากชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไปจนกระทั่งการเสพติดการแยกชิ้นส่วนร่างกายของหมูในคาบวิทยาศาสตร์ยุคเรียนมัธยมที่เปลี่ยนเป็นบ่อเกิดของคดีการฆ่ากินมนุษย์รวมทั้งทารุณทางเพศถึง 17 ศพ ซึ่งเหยื่อส่วนมากเป็นชายหนุ่มที่เป็นเกย์สร้างคดีสะเทือนใจตลอดเวลาถึง 13 ปี
สิ่งที่เด่นที่สุดสำหรับเพื่อการเล่าของ ‘Dahmer’ คงจะหนีไม่พ้นวิธีการเล่าแบบ สโลว์เบิร์น (Slowburn) ซี่งเป็นการเล่าที่เน้นย้ำเก็บเนื้อหาให้ผู้ชมได้ซึมอารมณ์แล้วก็มนัสสำนึกของคนร้ายแบบเกือบจะได้นั่งคุยไหล่ชนไหล่กับดาห์เมอร์เลยด้วย บทหนังลึกถึงกับขนาดเจาะไปที่ชีวิตครอบครัวที่ก่อนตัวดาห์เมอร์จะกำเนิดเองพวกเราก็พินิจได้ถึงความแปลกของผู้เป็นแม่แล้ว และก็ยังพาพวกเราไปรู้จักวัยเด็กของดาห์เมอร์ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพบิดาลูกที่ผูกพันกันด้วยการแล่ซากสัตว์
สำหรับเรื่องบทเว้นแต่จำเป็นต้องดูเมอร์ฟีย์ที่มาร่วมเขียนบทแล้ว ดูหนังเกาหลี เหม็นเบื่อ เบรนแนน (Ian Brennan) มือเขียนบทลูกค้าขาประจำของเมอร์ฟีย์ก็ได้โชว์ความเจนจัดสำหรับในการประสมประสานข้อมูลจริงกับเรื่องแต่งได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม และก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คลิปเสียงการแจ้งความที่ทำให้มองเห็นความละหละหลวมของตำรวจก็ช่วยทำให้ปรับบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและก็ชะตาชีวิตอันน่าสังเวชของเหยื่อถูกเอามาวิพากษ์ในทางของความไม่มีความสามารถของผู้บังคับใช้ข้อบังคับได้อย่างเห็นภาพอีกด้วย
และก็สำหรับดาราหนังที่จำต้องสรรเสริญที่สุดอาจจะหนีไม่พ้น อีแวน ปีเตอร์ส์ (Evan Peters) ที่แสดงบทบาท เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้อย่างน่าสยองขนลุก โดยปีเตอร์ส์ได้ทำให้ท่าทางที่มองเฉยเมยรวมทั้งมองธรรมดาของดาห์เมอร์ ฉายแววไร้มนุษยธรรมออกมาได้ครั้งใดก็ตามปรากฎตัว แต่ว่าในเวลาเดียวกันในซีนดราม่าเขาก็สามารถแสดงด้านที่เป็นมนุษย์มีอ่อนแอ มีเจ็บของดาห์เมอร์ออกมาได้อย่างดียิ่งไม่แพ้กันเลย
Monster: The Jeffrey Dahmer Storyอีกหนึ่งผลงานที่น่าเฝ้าดูของอีแวน ปีเตอร์ส รู้สึกได้ถึงความนิ่ง ความโปรสำหรับในการแสดงเลย แสงสว่าง สี โทนมู้ดของเรื่องมีการใช้สีมืดๆครึ้มอาจบรรยากาศลึกลับโหดเหี้ยมๆหน่อย หนังมีการใส่ข้อความสำคัญยิบย่อยมากมายๆอีกทั้งปัญหาในระบบเชิงองค์ประกอบ ความไม่ประสบผลสำเร็จสำหรับเพื่อการดำเนินการของตำรวจปี 1991
ประเด็นการจัดแสงสว่างและก็เงาออกจะดี ประสิทธิภาพงานรูปในหนังซีรีส์ความอาร์ท ความงานศิลป ความงามของภาพค่อนข้างจะพอดีเลย หนังมันโทนนิ่งรวมทั้งเงียบมากเลย ดูหนังเกาหลี แต่ว่าสนุกสนาน การดำเนินเรื่องราวมีเหตุผล เนื้อหาในเรื่องยิบย่อยมากมาย จนกระทั่งมองซ้ำอีกครั้งก็เก็บไม่หมด การแสดงของดารา อีแวน ปีเตอร์ส เป็นดี ดีเลิศๆ
แถมการทำงานในชั้นศาลของช่วงนั้นก็ออกจะไม่ถ้วนถี่ มีการเสียดสีหลักการทำงานของตำรวจที่ปฏิบัติงานเรื่องราว ออกจะช้า ช้าประเภทที่ว่ามีผู้ตายอยู่ข้างหน้าก็ไม่ส่งคนเข้ามา ทั้งยังสารคดีครึ่งหนึ่งๆหนังหัวข้อนี้ยังเผยมุมมองและก็ความเห็นของเหยื่อ การสิ้นไปรวมทั้งความเจ็บที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเหยื่อแบบแน่ชัดไปเลยมิได้ wornship พฤติกรรมของฆาตกรโรคจิตสุดโหดเหี้ยมหัวข้อนี้แล้วผ่านหลักสำคัญความรู้สึกของเหยื่อรวมทั้งครอบครัวของเหยื่อราวกับหนังซีรีส์เรื่องอื่น
ผู้ใดกันแน่ที่จะเริ่มมองซีรีส์บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องทำใจกับจังหวะการเล่าเรื่องที่เนิบช้าของมันสักนิดครับ ที่สำคัญเป็นไม่ใช่ซีรีส์ที่มองไปรีดผ้าไปได้ด้วย เนื่องจากในความเนิบช้า มันเชิญชวนผู้ชมไปสู่โลกอันมืดสนิทของคนร้ายได้อย่างเชิญชวนขนลุกขนพอง แล้วก็ให้แง่คิดที่สำคัญอย่างหนึ่งว่าสถาบันครอบครัวมีความจำเป็นมากมายจริงๆสำหรับการขัดเกลาให้คนคนหนึ่งเติบโตมาเป็นคนดีหรือปัญหาของสังคมเป็นซีรีส์ผลิตมาจากความจริงฆาตกรโรคจิตที่บางทีอาจจะผิดจากที่คิดไม่ถูกแนวกับผู้ที่ตั้งอกตั้งใจมาดูอยู่บ้าง เพราะว่าเปลี่ยนเป็นแนวชี้แจงปัญหาภายในสังคมอเมริกาที่คนผิวดำ
Red Sparrow หญิงร้อนพิฆาต
หนัง Red Sparrow หรือชื่อไทยว่า หญิงร้อนพิฆาต ภาพยนตร์ “”Red Sparrow”” เกิดเรื่องราวของ โดมินิก้า เอโกโรวา (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ถูกบังคับให้เข้ารับการฝึกหัดเพื่อเป็น “”สแปร์โรว์”” นักลวงล่อสาวประจำกองกำลังรักษาความปลอดภัยรัสเซีย โดมินิก้าจำต้องทำความเข้าใจที่จะใช้ร่างกายของคุณเป็นอาวุธ แต่ว่ายังจำต้องดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นตัวเองไว้ ท่ามกลางการฝึกซ้อมที่ตัดทอนความเป็นคนลงทุกครั้ง หญิงสาวศึกษาและทำการค้นพบพลังของตนเองท่ามกลางระบบอันไม่ยุติธรรม
แล้วก็ได้เปลี่ยนเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่กล้าแกร่งที่สุดจากการฝึกซ้อมนี้ วัตถุประสงค์แรกของคุณเป็น เนท ที่นาร์ช (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) ข้าราชการหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาผู้จะรับผิดชอบหน่วยงานที่หวั่นไหวที่สุดอย่างหน่วยงานข่าวกรองสายรัสเซีย เมื่อข้าราชการวัยรุ่นทั้งคู่จมสู่วังวนที่ความคลั่งไคล้แล้วก็ฉ้อโกง
กระทบต่อทั้งยังหน้าที่การงาน ความซื่อสัตย์ แล้วก็ความมั่นคงยั่งยืนของประเทศตน ภาพยนตร์ผลิตขึ้นมาจากนิยายที่เขียนโดยอดีตกาลข้าราชการหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา ดูหนังผ่านเน็ต เจสัน แมธธิว “”Red Sparrow”” เป็นการเจอกันอีกทีระหว่างดาราสาว เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ และก็ผู้กำกับ ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ จาก The Hunger Game สมทบโดย โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน, มาทิอัส โชนาร์ท, ชาร์ลอต แลมพลิง, แมรี่-หฝ่าส์ ขว้างร์กเกอร์ และก็ เจเรมี่ ไอรอนส์
“มนุษย์เป็นปัญหาของสิ่งที่จำเป็น ถ้าพวกเราเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนา พวกเขาก็จะพร้อมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพวกเรา”หนังสายฉบับโหดร้าย ดูหนังผ่านเน็ต มีฉากน่าคับอกคับใจทุกๆสิบวินาที ตามมาด้วยการแสดงที่เย็นเยือก เต็มไปด้วยแรงกดดัน และก็สภาวะบีบบังคับ แถมมีความซาดิสที่ทำให้คนบางจำพวกเพลิดเพลินเจริญใจได้ บวกกับการตัดต่อแบบสนุกสนานมือ และก็ภาพที่สวยเลิศ ทำให้หนังมีความสวยสดงดงามแบบบีบคั้นตลอดระยะเวลา
เป็นหนังที่ให้อารมณ์หายาก ถ่วงหัว ทำให้เจ็บป่วยหัวใจในหลายๆจังหวะ ถามคำถามว่าบันเทิงใจไหม มันเฉพาะกรุ๊ประดับหนึ่งเลยล่ะ มันให้ความรู้ความเข้าใจสึกแบบหนังสายแบบมุ่งมั่นเข้มข้น ดูหนังเกาหลี แต่ว่าเมื่อบวกกับฉากทรมาทรกรรม ฉากเลือดสาด รวมทั้งฉากฆ่าที่สมจริงสมจัง ทำให้อารมณ์บีบบีบคั้นมันไปอีกเลเวลหนึ่งไปเลย
Red Sparrow เป็นหนังเครือญาติ “สงครามเย็นยุคใหม่” ที่อิงติดอยู่ที่แนวความคิดคบคิดเกี่ยวกับสายที่แอบอยู่ทั่วทั้งโลก แล้วก็เลือกที่จะเล่าแบบเหมือนจริงสูงที่สุด มันก็เลยไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนำสมัยอะไรเลย เทคโนโลยีอย่างเดียวที่ใช้เพื่อการขับมือสังหารของรัซเซียก็เป็น จิตวิทยา
โดยตัวหนังให้ความใส่ใจกับสิ่งที่เรียกว่า “สิ่งที่จำเป็น” โดยแก่นของมันเป็นที่เขียนไว้ไปข้างบนแล้ว หนังพาไปตรวจสอบความปรารถนาของมนุษย์ด้วยการฝึกอบรม Sparrow ทั้งหลายแหล่ ก่อนที่จะนำมาซึ่งการต่อสู้ระหว่างสาย ด้วยการฉะกันระหว่าง “ความจำเป็น” ของแต่ว่าล่ะข้าง เอามาบาดใจ ต่อรองกันตลอดระยะเวลา
เรื่องราวเกี่ยวกับสาวอดีตนักเต้นโดมินิก้า กำลังถูกให้ออกจากแผนกบัลเล่ที่จ่ายเงินค่าดูแลให้แม่มาตลอด ในขณะที่จนมุมอยู่นั้น อาของคุณ รองผู้อำนวยการราชการลับที่รัสเซียก็ติดต่อเข้ามา เขาพูดว่าโดมินิก้าเป็นหลานที่เก่งที่สุด เก่งในเรื่องสิ่งที่จำเป็น รวมทั้งอ่านความอยากนั้นออกจนถึงสามารถชักเชิดการกระทำผู้คนได้ตามปรารถนา ภายหลังจากโดนบีบหลายๆทางจากอาของคุณที่กำสิ่งที่ต้องการของเด็กหญิงเอาไว้จนถึงหมด คุณก็เลยจำต้องจำนนเขาไปในโรงฝึกฝน Sparrow
ที่มีชื่อเสียงว่าเป็น “สายนางโลมของรัฐบาล” แล้วต่อจากนั้นเรื่องราวถัดมาก็เกิดเรื่องราวเจ้านกกระจอกสีแดงที่โลดเล่นไปๆมาๆในเกมที่อำนาจ ที่แข่งขันกันว่าท้ายที่สุดแล้วใครกันแน่จะได้สิ่งที่จำเป็นสูงที่สุด ระหว่างรัสเซีย อาของคุณ โดมินิก้า CIA รวมทั้งข้าราชการอเมริกาที่บางทีอาจตกหลุมรักคุณ ผ่านบทสำหรับพูดที่แยบคาย สื่อความหมายในทุกคำบอกเล่า
แต่ว่าตอนกลางทางที่โดมินิก้าโดนบีบบีบคั้นนี่แหละที่เอาจริงเอาจัง หนังค่อนข้างจะเนือยๆเบื่อๆแต่ว่าไม่ค่อยจะพักผ่อน ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต มันบีบบังคับ หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเลย หนังถูกใจให้พวกเรามองเห็นการฆ่ากันที่มองเห็นกันจะๆเลือดสาด การทรมาทรกรรม การบีบคั้นทางอารมณ์แท้จริงจังกระทั่งเล่นเอามึนหัว
เป็นข้อดีขอเสียในตนเอง มันทำให้หนังน่าดึงดูดขึ้นแม้กระนั้นก็ทำให้มองยากขึ้นไปอีกเท่าตัว เพราะว่านอกเหนือจากต้องตามเรื่องแล้ว ยังจะต้องมารับมือกับแรงกดดันตลอดอีกด้วย แต่ว่าเส้นการทรยศ เส้นการหักมุมนี่ก็ยังครบส่วนประกอบดีนะ อะไรที่ปูเอาไว้เอามาใช้หมด แล้วก็ยุแหย่ผู้ชมได้บันเทิงใจมือ
โดยรวมก็บันเทิงใจดีล่ะ ฉากแอคชั่น กับฉากฆ่าที่มองเหมือนจริงมากมายทำให้บันเทิงใจไปอีกในลัษณะหนึ่ง แม้กระนั้นดูแล้วก็มึนหัวไปเลย เนื่องจากเครียดจากเหตุผลข้างต้น ส่วนเจนิเฟอร์ ลอร์เลนซ์ผู้แสดงโดมินิก้าสวยเลิศเลอจริงๆผู้อื่นก็ดูเล่นกันแบบใจร้ายกันสุดๆดีนะ ภาพงาม อาร์ตดี ตัดต่อโคตรบีบคั้น แม้กระนั้นมันเฉพาะกรุ๊ปไปหน่อยน่ะนะ เส้นเรื่องที่เป็นสายคิดคดทรยศกันไปๆมาๆนี่แหละที่บันเทิงใจพอเหมาะพอควรเลย บวกกับบทพูดที่เรียบเรียงได้เฉียบคมก็เลยพยุงให้หนังมันไปต่อจบได้งาม
หากถูกใจหนังบีบคั้น สมจริงสมจัง ดูหนังเกาหลี งามๆหัวข้อนี้เหมาะสมกับคุณเลย แม้กระนั้นเตรียมความพร้อมกับฉากไม่สะดวกใจไว้ด้วยล่ะกันงานสร้างต่างๆดูแล้วน่าชื่นชอบ ฉากทุกๆอย่างมองมีเนื้อหารวมทั้งติดอยู่แรกเตอร์ของมัน การออกแบบชุด รูปร่างและการแต่งตัว ฉากประกอบพาพวกเราไปอยู่ที่ฉากนั้นอย่างเนียนสนิท
365 Days: This Day
ในภาคต่อนี้ จะพาพวกเราไปตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างคู่เลาร่า กับ มัสสิโม ผู้แสดงนำชายนางเอก ที่เล่นบทเชลยรักกันไปในภาคแรก แม้กระนั้นมาในภาคนี้พวกเขาก็ได้กลับมาสืบต่อความเกี่ยวพันกันอีกที โดยมีฉากอีโรติก 18+ เป็นจุดขายอีกเหมือนเคย นอกจากนั้นยังพ่วงมาด้วยความลับของครอบครัวดารานำชายสายสัมพันธ์เครือญาติมัสสิโม
ยิ่งทำให้ชีวิตของการการเป็นสามีภรรยาของทั้งคู่ผูกปมทับถมให้สลับซับซ้อนเพิ่มขึ้น มาพร้อมนักแสดงใหม่ที่จะทำให้เรื่องในเวลาแทบ 2 ชั่วโมง เข้มข้นมากพอที่ผู้ชมจะตรึงใจในหนังภาคนี้อย่างแน่แท้ ยิ่งทำให้ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ผูกปมทับถมให้สลับซับซ้อนเพิ่มขึ้น
หนังภาคต่อ กับอีโรติกสุดรุ่มร้อนที่ทศวรรษที่ปัดกวาดยอดทิวทัศน์ได้อย่างมากมาย ดูหนังเกาหลี กลับมากับภาคใหม่ที่ชื่อว่า หนังฟรี “365 Days: This Day” ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเย้ายวนแล้วก็กลิ่นคาวรสนิยมทางเพศที่ตกที่นั่งลำบากอีกเหมือนปกติ ดาราหนังและก็คณะทำงานชุดเดิมยังคงกลับมาสืบต่อ เรื่องราวก็ขยายออกไปกว้างเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยนักแสดงใหม่ๆมากมาย
365 Days: This Day ภาคต่อที่ทุกคนรอหรือไม่นะของ ดูหนัง 365 DNI เล่าราวต่อจากภาคที่แล้วแล้วก็เสิร์ฟออร์เดิร์ฟเบาๆให้หายนึกถึงด้วยฉากแซ่บซี๊ดบนโต๊ะ ท่ามกลางแสงตะวันส่องไล้สรีระของ เลาร่า (อันที่นา-มาเรีย เชกลูสกา) และก็ มัสสิโม (ไม่เคเล มอร์โรเน) เจ้าบ่าวมาเฟียของคุณ ก็เป็นฉากที่เขาทั้งสองกระจู๋กระจี๋ก่อนที่จะเข้าพิธีสมรส ที่อื้อหืม เปิดตัวกันอย่างงี้เลยหรอ
ความรักของพวกเขาคราวนี้สนิทแน่นมากกว่าเคย ด้วยเหตุว่าคุณได้เปลี่ยนแปลงสถานะเป็นเมียของเขาอย่างสุดกำลัง แต่ว่าการเริ่มต้นครั้งใหม่ของคู่สมรสคู่นี้ จำเป็นต้องพบเจอกับเรื่องราวสุดน้ำเสีย เพราะว่าความลับที่ซ่อนอยู่ข้างในเครือญาติของมัสสิบดได้ก่อเหตุให้กับเลาร่าเข้าจนได้ และก็ ทุ่งนาโช (สิโมเน ซูสินทุ่งนา) ชายลึกลับสุดชวนมองที่เข้ามาในชีวิตเลาร่า ทำให้การสมรสคราวนี้กำเนิดเงื่อนใหญ่ขึ้นในหัวใจของเลาร่า ที่ภาคนี้จะต้องพูดว่าเลาร่าช่างเป็นนางเอ๊กนางเอก น้ำส้มคั้นจะต้องมาแล้วละจ้ะ จำเป็นมากกันเลยเชียว
หากจะเปรียบเทียบกับภาคที่แล้ว ก็น่าจะจำเป็นต้องพูดว่าหนังมีเส้นเรื่องที่เพิ่มมากขึ้นมากมาย เพียงแค่เส้นเรื่องที่ใส่เข้ามานั้นช่างไม่มีน้ำหนักและไม่ได้มาช่วยเติมเต็มให้กับหนังหัวข้อนี้เลยแม้กระทั้งนิด ภาคนี้มิได้จุดโฟกัสอยู่เพียงแค่ความร้อนรุ่มระหว่าง เลาร่า กับ มัสสิโม อีกต่อไปแล้ว มีตัวละครใหม่เสริมกองทัพเข้ามาอีกเยอะมาก รวมทั้งตัวหนังก็ยังออกจะล้มเหลวสำหรับการสร้างมิติให้กับนักแสดงนั้นๆเปลี่ยนไปใส่เข้ามาให้รู้สึกรำคาญมากยิ่งกว่าเดิม
รายละเอียดของ หนังใหม่ 365 Days: This Day กลับยัดเยียดข้อหาน้ำเสีย ดูหนังเกาหลี เพิ่มกลิ่นความเหม็นฟุ้งเข้ามาเป็นเท่าตัว เค้าเรื่องจริงๆมีแค่เพียงจับมือเดียว รวมทั้งเป็นสิ่งที่ผู้ชมที่มีพื้นฐานของละครไทยก็สามารถทายใจได้ตั้งแต่เริ่ม ซึ่งแน่ๆว่าเงื่อนหัวข้อต่างๆครั้งเพิ่มเข้ามานั้นมองเป็นละครข้างหลังข่าวสารมากมายไปสักนิด เป็นชนวนที่ทำให้ภาคนี้มิได้ทำให้มีอะไรน่าลุ้นและก็มีสิ่งที่ตรึงตราได้เท่ากว่าภาคที่แล้ว ในขณะที่ก็มิได้เป็นหนังที่ดีอะไรอะไร
การแสดงของของ “มิคาเอล มอร์โรน” รวมทั้ง “อันท้องนา มาเรีย เชกลุกก้า” ก็มิได้ให้ความแปลกใหม่อะไร ซ้ำยังมองเห็นด้วยว่า พวกเขามองบอบช้ำหมองลงแล้วก็ไม่มีความสดใหม่แบบที่เคยเห็นในภาคที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ในเวลาที่ดาราคนอื่นที่เพิ่มเข้ามา อย่าง “สิความสงบ ซูสินอา” หรือ “แม็กดาเลน่า ลัมพาร์ก้า” ก็ไม่สามารถที่จะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งกับตัวหนังได้อะไร พวกเขาเป็นไปได้แค่เพียงนักแสดงที่เพิ่มเสริมเข้ามาให้เต็มแค่นั้น
รวมทั้งแน่ๆว่า ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต 365 Days: This Day ยังคงเต็มไปด้วยไดอะล็อก หรือ บทสำหรับพูดแปลกๆที่จับโครงมาจากนิยายน้ำเสียราวกับมิได้ดัดแปลงแก้ไข “ฉันมิได้สวมกางเกงใน” ประโยคแรกที่เปิดเรื่องขึ้นมา…ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอิหยังวะได้พอสมควร ไหนจึงควรมาพบประโยคบอกเลียนๆดังแกะภาษาวรรณกรรมมาใช้ รวมกับลีลาท่าทางการแสดงน่าหลงใหลประดิษฐ์ประดอยของผู้แสดง ที่ยิ่งทำให้หนังประเด็นนี้มองน่าขำมากขึ้นไปเรื่อย
ดูหนัง 365 Days: This Day ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเสมือนนั่งมองมิวสิควิดีโอเพลงยั่วๆเพลงหนึ่งที่มีความยาวกว่าธรรมดา เป็นมิวสิควิดีโอของพวกแฟนเชื้อสายคนมั่งคั่งสร้างขึ้นมาเพื่ออวยความร่ำรวยของตน อีกทั้งภาพรวมทั้งโปรดักชั่นต่างๆเชิญชวนให้ใคร่ครวญไปถึงอะไรอย่างงั้น ฉากโรแมนติกต่างๆเปลี่ยนเป็นความย้วยแล้วก็สโลโมชั่นแบบเกินจำเป็น แล้วก็ที่ห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาดถือการใส่เพลงประกอบเข้ามาในหนัง ใส่เข้ามามากเหมือนเคย จำนวนมากจนกระทั่งมีความคิดว่าเกินจำเป็นไปด้วย รวมทั้งเป็นเพลงที่มิได้กับโทนอารมณ์ของหนังสักเท่าไหร่ด้วย
มาถึงสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากคงจะใคร่รู้ว่า ดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต นั้นหรูหราความแซ่บในฉากวาบหวิวต่างๆเพียงใด คงจะจำเป็นต้องกล่าวว่าใครกันแน่ที่คาดหวัง บางครั้งอาจจะจำต้องผิดหวัง เพราะว่าดีกรีความร้อนรุ่มในภาคนี้ค่อนข้างจะดร็อปลงไปจากภาคแรกอย่างชัดเจนเจน ทีท่าจังหวะในกามาท่าทางของหนังเรื่องนี้่ค่อนซ้ำจากจำเจจากภาคที่แล้ว มีหลายๆฉากที่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากสิ่งที่เคยได้เห็นมาแล้ว แล้วก็ในรูปร่างของจำนวนก็ต่ำลง ทั้งยังยังหุ้มโทนด้วยการใช้วิธีมุมภาพที่เซฟและไม่หวือหวาแบบที่ในภาคที่แล้วด้วย
สรุปว่าในรูปภาพรวมนั้น ถ้าเกิดเทียบเป็นรสของเมนูอาหาร 365 Days: This Day ให้รสที่จัดจ้าน้อยลงไปในระดับที่พอเพียงทานได้ แม้กระนั้นความอร่อยกลับยิ่งต่ำลงไปเรื่อยหนังแทบจะไม่มีอะไรเลย กับรายละเอียดน้ำเสียเสมือนละครข้างหลังข่าวสารดังเช่นว่าเดิม บรรยายออกมาในมุมมองว่าอุตสาหะขยายจักรวาลนี้ให้กว้างขึ้น แต่ไม่อาจจะล่อใจแล้วก็ซื้อใจผู้ชมได้เพิ่ม เงื่อนการบ้านการเมืองต่างๆในยังมิได้รู้สึกหนักแน่นพอเพียง ยังเป็นหนังสไตล์คนวิปลาสราคะที่อย่าไปมองหาสาระอะไรก็แล้วแต่แม้กระนั้นจะให้ไปพบความรื่นเริงใจก็เกือบหาไม่พบแล้ว
หนังภาคนี้ไม่ถึงกับว่าผิดหวัง ด้วยเหตุว่ามิได้มุ่งหวังอะไรก็แล้วแต่แต่ว่าสัมผัสได้ชัดแจ้งถึงการดร็อปลงของทุกๆมุมมองรวมทั้งส่วนประกอบที่เคยเป็นเสน่ห์ของหนังประเด็นนี้ และก็ให้ตายเถิด…พวกเรายังจำเป็นจะต้องรอดูอีกภาคที่จะตามออกมาอีกเป็นสามภาค ก็ได้แต่ว่าถามว่า หนังอีโรติกแบบ 365 Days มีคุณค่าและก็มีดีอะไรถึงจำเป็นต้องสร้างเป็นแฟรนไชส์หนังภาคต่อออกมามากไม่น้อยเลยทีเดียวขนาดนี้กันนะ
ก็มิได้มุ่งหวังอยู่แล้วละจ้ะว่าโครงเรื่องมันจะแพรวพราวไปกว่าเดิม ดูหนังเกาหลี มาเฟียดันทุรังอย่างมัสสิบดภาคนี้ก็รักภรรยาหลงเมียแต่งานก็รัดตัวแล้วก็มีความลับเยอะไปหมด เงื่อนธุรกิจย่อยยับที่ใส่เข้ามาในเรื่องกระตุ้นให้เกิดเส้นเรื่องที่มากขึ้นกว่าภาคที่แล้ว แต่ว่าก็ตามค่อยดุจขนไม่แตกต่างไปจากเดิม โคลงหลวมจนถึงจำต้องบอกกับตนเองว่า พวกเราอาจจะไม่ต้องไปพอใจเครื่องแนมจืดจางโน่นหรอกน่า ดูหนังฟรี
บทเขียนให้เลาร่าเติบโตขึ้น เข้มแข็งขึ้นแล้วก็เป็นนางเอกมากมายก่ายกองขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเช็ดกดึงเข้าไปอยู่ในวังวนช่วงชิงจนถึงเปลี่ยนเป็นหมากในบอร์ดที่ยืนอยู่บนการเสี่ยง โดยที่ตัวคุณเองนั้นช่างไม่รู้เดียงสา ดุจนางเอกละครไทยอมตะ ที่ไม่ต้องทายใจอะไรทั้งหมด เพราะเหตุว่าทางมันมาแนวนี้อยู่แล้ว ส่วนในด้านของมัสสิบด
ที่ภาคแรกพวกเราได้มองเห็นความดุเด็ดเผ็ดมันและก็ช่างดื้อด้านของมาเฟียชายหนุ่ม ภาคนี้ยังได้มองเห็นอยู่่ดังเช่นว่าเดิม แม้กระนั้นถ้าหากมีการต่อสู้ให้เส้นเรื่องใหม่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก (มากอย่างยิ่งจริงๆ) ภาคนี้จะแปลงเป็นหนังมาเฟียเล่นรักที่ดุ เด็ด เผ็ดมันและก็น่าดึงดูดกว่านี้มากมาย
365 Days: This Day Netfix ฉากสุดแซ่บที่ทุกคนคอยก็มิได้คอยเก้อกันหรอก แม้กระนั้นบางทีก็อาจจะไม่สะใจสายฮาร์ดคอร์สักเท่าใด ด้วยเหตุว่าภาคนี้ลดความหวือหวาลงไปมาก อาการลีลาท่าทางมิได้มีอะไรที่แปลกใหม่จนถึงวูบวาบ แม้กระนั้นที่เปลี่ยนอย่างชัดเจนก็คือมุมกล้องถ่ายรูปที่เซฟขึ้น ดียิ่งขึ้น เช่นกำลังนั่งมอง MV เพลงรักร้อนๆก็ไม่ปาน เรื่องราวมีจึ๋งเดียว เว็บไซต์ดูหนัง แต่ว่าไอ้ที่มากมายเกินครึ่งเรื่องเป็นการแสดงอารมณ์ล้วนๆทั้งยังอารมณ์วาบหวาม
ร้อนรัก อารมณ์เบิกบาน โศกสลด เหงาหงอย โกรธ เบทฟิก3355 ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรเสียงดนตรีก็ตามไปทุกแห่งหนแถมไม่เข้ากันอีกต่างหาก จะเยอะแยะไปไหนเนี่ยถามจริงๆทั้งยังฉากสำคัญและไม่สำคัญพร้างแพรวดุจดวงดาวบนฟ้า จนถึงแปลงเป็นบอบช้ำมากยิ่งกว่าชุ่มฉ่ำอย่างที่จะต้องเป็น
พวกเราจะได้มองเห็นฉากรักหลากอารมณ์ที่มิได้มีเพียงแค่ 1 คู่แน่ๆ แล้วก็เป็นการแสดงที่ฉึบฉับ ไร้เหตุผล เรียกว่าฟาดศีรษะแสดงกันจะๆให้งงงันกับเรื่องราวกันเล่นๆเสมือนผู้ผลิตกำลังย้ำเตือนกับพวกเราว่า อย่าไปพอใจมากมาย มองฉากโอโบ๊ะจามะเคล้าเสียงดนตรีกันไปก็พอแล้ว ย้วยกว่านี้ก็ขอบกางเกงลิงนางเอกแล้วละ
ถ้าเกิดภาคที่แล้วเป็นของกินจานร้อนที่เผ็ดปากเจ่อ ภาคนี้ก็เป็นอาหารจานด่วนที่แซ่บพอดิบพอดีคำ ความจัดจ้าบางทีอาจไม่พอๆกับภาคแรก แม้กระนั้นการจัดจานนั้นสวยน่าชื่นชมกว่าภาคแรกเป็นไหนๆเว็บไซต์ดูหนังฟรี โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากด้านหลังๆที่สร้างอารมณ์วาบหวามได้พอดิบพอดีแบบกระหยิ่มใจ ดูหนังเกาหลี ยิ้มขำได้กับจินตนาการของนางเอก แม้กระนั้นส่วนดีๆที่เพิ่มเข้ามานี้กลายเป็นส่วนประกอบที่ไม่ลงตัวไปเสียแบบงั้น ราวกับน้ำกับน้ำมันที่แบ่งกันกระจ่างแจ้งให้มองเห็นเป็นชั้นๆจนเกือบจวนเจียนจะเป็นหนังคนละเรื่องอยู่แล้วเชียว
เรื่องราวที่แม้ว่าจะเข้มข้นมากมายก็ตาม แต่ว่าในส่วนของบทเป็นอะไรที่ทายใจง่ายตามแบบฉบับละครไทย อาจะเป็นเนื่องจากว่าพวกเราจำภาพละครน้ำเน่าได้ต้งแม้กระนั้นเด็ก รายละเอียดของเรื่องที่ถึงจะสลับซับซ้อน แม้กระนั้นก็มิได้ลึกลับขนาดนั้น ตัวหนังกลับยกข้อดีอย่างแจ่มแจ้งในเรื่องของความอิโรว่ากล่าว 18+ จนถึงบางฉากสามารถกระเป๋านหนังเอวีเกรดดีๆได้เลยล่ะ ซึ่งแน่ใจว่าผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยที่ติดตามหนังเรื่อง 365 Days: This Day ต่างก็จะต้องชอบใจกับฉากเซ็กส์สุดเร่าร้อน เผ็ดมันอยู่แล้ว